6 ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่มีต่ออาร์เซนอล

ก่อนหน้าที่จะเปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับมือกับอาร์เซนอลในวันอาทิตย์นี้ เราจะมารำลึกถึง 6 แมตช์สุดคลาสสิคที่พบกับทีมปืนใหญ่ ดูวิดิโอที่ด้านบน และอ่านคำบรรยายได้ที่ด้านล่างนี้เลย…
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 8 อาร์เซนอล 2, 28 สิงหาคม 2011
เป็นเกมที่ทำให้แฟนๆ ทีมเยือนต่างพากันเดินออกจากโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก่อนจบเกม หลังจากเจอผลการแข่งขันที่โหดร้าย ประตูแรกจาก แดนนี่ เวลเบ็ค เป็นการเปิดแผลให้ทีมปีศาจแดงไล่ยำใหญ่ซึ่งถือเป็นชัยชนะที่ถล่มทลายที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ทั้งคู่เจอกันมาเลย จากนั้น แอชลี่ย์ ยัง ก็มายิง 2 ลูก ขณะที่ เวย์น รูนี่ย์ ก็ทำแฮตทริคได้ โดยมาจากลูกฟรีคิกสุดสวย 2 ประตู ปิดท้ายด้วยประตูจาก หลุยส์ นานี่ และ พาร์ค จี ซอง ทำให้มันเป็นช่วงบ่ายที่น่าเศร้าสำหรับ อาร์แซน เวนเกอร์ และเป็นชัยชนะที่ยากจะลืมเลือนสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 อาร์เซนอล 1, 13 เมษายน 2008
ตอนนั้นทั้งคู่กำลังไล่บี้แชมป์กันอยู่ และทีมเยือนก็ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ซึ่งยิงได้หลังเริ่มครึ่งหลังมาไม่นาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษในอีก 5 นาทีต่อมา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงเข้าไป แต่ผู้ตัดสินบอกให้ยิงใหม่ และเขาก็ยังคงซัดเข้าไปได้อีกทำให้สกอร์เป็น 1-1 จากนั้นเหลือเวลาอีก 20 นาที ทีมปีศาจแดงก็มาได้ฟรีคิกที่บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ รับหน้าที่ปั่นโค้งข้ามกำแพงเข้าไปสู่ก้นตาข่ายทำให้ทีมคว้าชัยชนะ และความหวังคว้าแชมป์ของทีมปืนใหญ่ก็สลายลง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 อาร์เซนอล 0, 24 ตุลาคม 2004
เกมนี้อาร์เซนอลกำลังลุ้นทำสถิติไร้พ่ายครบ 50 เกม แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นง่ายๆ เมื่อฤดูกาลก่อนหน้านั้น รุด ฟาน นิสเตลรอย ถูกฝูงนักเตะปืนใหญ่เข้ามาทำท่าล้อเลียนหลังจากที่ยิงลูกจุดโทษพลาด แต่มาคราวนี้ซึ่งครบ 12 เดือนพอดี ดาวยิงดัตช์ก็ล้างแค้นได้สำเร็จด้วยการยิงลูกจุดโทษ หลังจากที่ เวย์น รูนี่ย์ ถูก โซล แคมป์เบลล์ ทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ และรูนี่ย์ซึ่งอายุครบ 19 ปีพอดีในวันนั้นก็มาซัดลูกปิดปล่องในช่วงทดเวลาบาดเจ็บผ่านมือ เยนส์ เลห์มันน์ เข้าไป โอลด์ แทรฟฟอร์ด เต็มไปด้วยเสียงเฮ และสถิติไร้พ่ายของทีมเยือนก็ถูกหยุดลงเอาไว้แค่นี้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 อาร์เซนอล 0, 7 ธันวาคม 2002
หลังจากเริ่มต้นฤดูกาลได้ไม่ดีนัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มาเริ่มคืนฟอร์มในเดือนธันวาคม หลังจากที่เอาชนะทั้งนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูลมา ทีมปีศาจแดงก็ต้องเจอกับทีมแชมป์อย่างอาร์เซนอลที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด แม้จะขาดนักเตะหลักอย่าง เดวิด เบ็คแฮม และ รอย คีน แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็สามารถคว้าชัยชนะไปได้ 2-0 ต้องขอบคุณฟอร์มการเล่นอันเยี่ยมยอดจาก ฮวน เซบาสเตียน เวรอน และ ฟิล เนวิลล์ โดยเวรอนยิงลูกแรกได้ในนาทีที่ 21 จากลูกครอสมาให้ของสโคลส์ ก่อนที่สโคลส์เองจะมายิงได้บ้างในนาทีที่ 73 ทีมปีศาจแดงกลับมาอยู่ในพื้นที่ที่ดีในการไล่ล่าแชมป์ และสุดท้ายก็ได้ถ้วยแชมป์กลับมาครองสำเร็จ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 6 อาร์เซนอล 1, 25 กุมภาพันธ์ 2001
การเบียดแย่งแชมป์จบลงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เลยจริงๆ เหรอ? ใช่แล้วล่ะ อาร์เซนอลเป็นทีมอันดับที่ 2 อยู่ในตอนนั้น และก็มีแต้มห่างอยู่พอสมควรก่อนถึงเกมดังกล่าว ดไวท์ ยอร์ค ซัดแฮตทริคได้ตั้งแต่ครึ่งแรก โดยใช้เวลาเพียง 19 นาทีเท่านั้น ลูกแรกมาในนาทีที่ 3 ก่อนที่ เธียร์รี่ อองรี จะมายิงตีเสมอ หลังจากนั้นทีมปีศาจแดงก็กระหน่ำยิงเป็นชุด ยอร์คจองลูกบอลเอากลับบ้านไป รอย คีน มายิงลูกที่ 4 และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ก็มายิงให้สกอร์เป็น 5-1 ก่อนจบครึ่งแรก ทีมปืนใหญ่เริ่มเล่นกันแบบรัดกุมมากขึ้นในครึ่งหลัง แต่ก็ยังมาโดนอีกลูกอยู่ดีจากฝีเท้าของ เท็ดดี้ เชอริงแฮม ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้ทีมปีศาจแดงทำคะแนนหนีห่างไปถึง 16 แต้มเลยทีเดียว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 อาร์เซนอล 1, 19 สิงหาคม 1989
ยุคใหม่ของทีมเริ่มต้นขึ้นด้วยการเตะท่ามกลางแสงแดดที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แมตช์นี้เป็นที่จดจำจากการที่เจ้าของทีม ไมเคิล ไนท์ตัน ลงไปเดาะบอลก่อนเกมในสนาม อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเกมที่ทีมแชมป์อย่างอาร์เซนอลจะไม่มีวันลืมเลือนด้วยเช่นกัน สตีฟ บรู๊ซ โขกลูกแรกได้หลังเตะกันมาแค่ 100 วินาที แต่หลังจากที่ จอห์น ลูคิช เซฟลูกจุดโทษของ ไบรอัน แม็คแคลร์ ได้ เดวิด โรคาสเซิ่ล ก็มายิงตีเสมอ มาร์ค ฮิวจ์ส แตะหลบ เดวิด โอเลียรี่ ก่อนจะยิงให้ทีมขึ้นนำอีกครั้ง จากนั้น นีล เว็บบ์ ซึ่งลงประเดิมสนามให้กับทีมปีศาจแดงก็มายิงได้อีกจากลูกวอลเล่ย์สุดสวย ก่อนที่ ไบรอัน แม็คแคลร์ จะมาแก้ตัวจากการยิงจุดโทษพลาดด้วยการซัดด้วยซ้ายเข้าไปเป็นลูกปิดกล่อง
SiR KeaNo

2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC

Related Posts